Japan Through My Eyes DAY 3: Ueno zoo

วันนี้ตอนเช้าอัจฉรานั่งอยู่บนเก้าอี้ระหว่างรอจินนี่แต่งตัว ตามองแพลนเนอร์ในมือ ในช่องวันที่ 3 เมษายนบรรจุลายมือตัวเองเขียนว่า ‘เช้า – พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน บ่าย – China town โยโกฮาม่า (กินบุฟเฟ่ต์เนื้อย่าง)’ สมองพลันนึกย้อนไปถึงเมื่อตอนเย็นที่ตัดสินใจเปลี่ยนแผนกะทันหันไปอุเอโนะ เพียงเพราะว่าคุณแม่ชอบซากุระที่บานสะพรั่งในช่วงนี้ และอุเอโนะก็เป็นจุดชมซากุระที่ดีที่สุดจุดหนึ่งในโตเกียว แต่จริงๆ ก็ใช้คำว่า เพียงเพราะว่า ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ถึงเราจะอยากลิ้มรสชาติการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่ต่างบ้านต่างเมืองอยู่ แต่ถ้าป๊าม๊าไม่มีความสุขกับพิพิธภัณฑ์ก็จบกัน ถึงในใจจะคิดว่าเห็นซากุระระหว่างทางในโตเกียวก็พอแล้ว แต่มันก็ต้องมีจุดต่างระหว่างซากุระระหว่างทางกับซากุระที่จุดชมวิวซี่ อีกอย่างนึกย้อนไป เราไปสวนสัตว์ครั้งสุดท้ายก็ตั้งปอสามที่ซาฟารีเวิร์ลนั่นมาแล้ว คิดได้ดังนั้นก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางทริปกะทันหัน ถึงฝนตกเราก็จะสู้! (ลืมบอกไปว่าฝนตกพรำๆ ยาวตั้งแต่เมื่อคืน พยากรณ์อากาศก็ได้ชี้ชัดว่าวันนี้ฝนตกทั้งวัน)

ฝนตกที่ญี่ปุ่นทำให้เรานึกถึงเกม Harvest Moon ที่เคยเล่นสมัยเด็กๆ ในฤดูใบไม้ผลิจะมีฝนตกบางวัน และจะตกอยู่อย่างนั้นทั้งวันจนถ้าหากเราฝืนให้ตัวละครของเราเก็บผักนานเกินไปจะเป็นลมและไปตื่นอีกทีที่โรงพยาบาล แถมถ้าเราเข็นบรรดาวัวและแกะเข้าคอกไม่เสร็จก่อนวันฝนตก หัวใจของพวกมันก็จะลดฮวบฮาบจนพาลอยากจะ reset เกม ตอนนั้นนึกเอาเองว่าเกมช่างทำออกมาได้หยาบจริงๆ ฝนอาไร๊ตกสม่ำเสมอทั้งวัน แถมพยากรณ์อากาศก็แม่นทันตาเห็นขนาดนี้มีที่ไหน๊

…ณ ตอนนี้ ณ จุดๆ นี้ ซาบซึ้งแล้วจ้ะ (-_-” ) ต้องขอโทษที่เคยดูหมิ่นคุณคนสร้างเกม ฝนที่ญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลินั้นตกสม่ำเสมอตลอดวัน หรืออาจจะหลายวัน ส่วนมากฝนมักจะมาพร้อมลมแรงที่มีหลายเบอร์ (จินนี่บอกว่าเบอร์หนักหน่อยก็หน้าต่างสั่นตลอดเวลาจนนอนไม่ได้ หรือประตูอาจเปิดปิดเอง (O_O ) แต่เราไม่เจอเบอร์นั้นระหว่างที่ไป)

416px-TokyoYamanoteAreaLines
ขอบคุณรูปนี้จาก wikipedia.org

สองวันที่ผ่านมานั้นเราสัญจรไปมาในโตเกียวด้วยเมโทร หรือรถไฟใต้ดิน ในวันนี้เราจะได้ลองขึ้นรถไฟ JR หรือรถไฟบนดินกันบ้าง เราแอบดีใจอยู่นิดหน่อยเพราะนึกอยากรู้มาตลอดว่ารถไฟที่นี่วิ่งไวมากหรือเปล่า ถ้าหากสังเกตจากวิวบนรถไฟ JR น่าจะพอเดาได้มากกว่าการมองผ่านหน้าต่างรถไฟเมโทรที่วิ่งผ่านอุโมงค์มืดๆ สถานีที่เราจะไปลงวันนี้เป็นหนึ่งในสถานีใหญ่ คือสถานี Ueno (อุเอโนะ) จากการอ่านหนังสือ พี่ไปหลายวัน ของคุณบิ๊ก บุญ ที่นั่นมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ถือได้ว่าเป็นปอดของโตเกียว แถมขนาดของสวนนั้นก็สูสีตีคู่กับสวนลุมพินีบ้านเรา แต่สวนอุเอโนะนั้นมีอายุมากกว่าสวนลุมพินีอยู่ราวๆ 50 ปี และจากการอ่านหนังสือ พี่ไปหลายวัน ของคุณบิ๊กบุญ ทำให้ทราบว่าคุณบิ๊กบุญไปสวนสัตว์อุเอโนะในวันจันทร์ ซึ่งมันปิด ข้อเท็จจริงนี้เราไม่รู้เช่นกัน ช่างดีจริงๆ ที่เราตัดสินใจมากันในวันพุธ (ทั้งที่ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะมาที่นี่ในวันจันทร์ของอาทิตย์หน้า เกือบแล้ว…) ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่เราได้ทราบในภายหลังจากแผ่นพับของทางสวนสัตว์คือ ถ้าหากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการ สวนสัตว์จะเปิดในวันนั้น และหยุดในวันอังคารแทน

DSC00363
โปสเตอร์โฆษณาประจำฤดูใบไม้ผลิของสวนสัตว์อุเอโนะ

DSC00364การออกมาเที่ยวโตเกียวในวันฝนตกนั้นมีข้อดีสำหรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่อย่างเรา กล่าวคือเราจะได้ชมแฟชั่นร่มของชาวโตเกียวที่ขนพาเหรดร่มสวยๆ ออกมาให้เชยชมไม่ขาด ตั้งแต่ร่มแพทเทิร์นลายดอกแสนสวยจาก Cath Kidston ไปจนถึงร่มลายจี๊ดจ๊าดสีแสบทรวงของ Vivienne Westwood (จินนี่บอกว่าคนญี่ปุ่นไม่นิยมใช้ของก๊อป ดังนั้นร่มทุกคันที่เราเห็นคือของแท้ ว้าก ร่มวิเวียนคันนั้นดูสวยเพิ่มขึ้นอีก 80%) เดินข้ามถนนจากสถานีอุเอโนะแล้วเดินตรงไป (ถ้าพูดให้ถูกคือ ตามผู้คนส่วนมากไป) ก็จะพบกับทางเข้าสวนสาธารณะและสวนสัตว์อุเอโนะ (อยู่ติดกัน) เราไม่รอช้า ตรงเข้าไปซื้อบัตรทันใด บัตรผู้ใหญ่ราคาคนละ 600 เยน (ส่วนบัตรสำหรับนักเรียนราคา 300 เยน และบัตรสำหรับเด็กๆ ราคา 200 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีเข้าชมฟรี บัตรรายปีราคา 2,400 เยน) นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชมสวนสัตว์อุเอโนะได้ฟรีในวันสถาปนาสวนสัตว์ (20 มีนาคม วันเกิดเราเอง… อย่างน้อยถ้าเราเป็นคนญี่ปุ่น เราจะได้เข้าสวนสัตว์อุเอโนะฟรีในวันเกิดเลยนะ!) วันสีเขียว (4 พฤษภาคม) และวันพลเมืองโตเกียว (1 ตุลาคม)

DSC00370

เดินผ่านช่องตรวจตั๋วให้เจ้าหน้าที่ปั๊มตราอุ้งเท้าสัตว์สีแดงบนบัตรเป็นที่เรียบร้อย ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยแจกแผ่นพับแผนที่ของสวนสัตว์ ซึ่งแผ่นพับนั้นน่ารักและดูง่ายมากกก (อยากถ่ายรูปมาให้ดู แต่วันนั้นฝนตก แผ่นพับทั้งหมดจึงเปื่อยยุ่ย (T_T ) สวนสัตว์อุเอโนะนี้มีทั้งหมดสองส่วน ได้แก่สวนตะวันออกและสวนตะวันตก เชื่อมกันด้วยรถ monorail ราคาคนละ 150 เยน แต่เราสามารถเดินข้ามสะพานอีสปไปก็ได้ (ชื่อสะพานน่ารักง่ะ) โดยสวนทั้งหมดเราสามารถเดินชมได้ด้วยตนเอง (คนละแนวกับซาฟารีเวิร์ลที่บางส่วนจำเป็นต้องนั่งรถเข้าไปชม)

นับๆ ดูบนแผนที่ มีสัตว์อาศัยอยู่ที่สวนสัตว์อุเอโนะนี้อยู่ประมาณ 50 ชนิด (ไม่นับรวมสัตว์ที่โชว์อยู่ในอาคารต่างๆ เช่น บ้านสัตว์กลางคืน บ้านสัตว์เล็ก บ้านสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ)  โดยถ้าหากแบ่งโซนตามประเภทของสัตว์ จะมีทั้งหมด 10 โซน ได้แก่ โซนสัตว์ญี่ปุ่น ป่าไม้ของกอริลล่าและป่าไม้ของเสือ ทะเลของแมวน้ำและหมีขั้วโลก ป่าของช้าง เทือกเขาของหมู่หมี ภูเขาของหมู่ลิง สัตว์ต่างๆ จากแอฟริกา บ้านสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ป่าของอายอาย และสวนสัตว์สำหรับเด็ก

เราเริ่มเดินจากสวนตะวันออก และนี่คือรูปที่เราถ่ายมา ชะเอิงเอย

DSC00372

DSC00374
คุณหลี่หลี่ (ชื่อแพนด้า) ขนเปียกน้ำ ดูมอมแมมในวันฝนตก
DSC00386
‘อย่าถ่าย หนาว! ดูสิขนไม่เป็นทรงเลย’ คุณอินทรีกล่าว
DSC00387
‘ทางนี้ก็หนาวไม่แพ้กัน’ คุณเหยี่ยวพูดระหว่างที่ปากสั่น
DSC00394
‘เรามีที่แห้งและร่มให้หลบภัย สบ๊าย ขนฟูสวยเป็นทรง’ คุณเสือพูดพลางมองออกไปยังกรงนก
DSC00437
‘ดีนะเราขุดหลุมดินเตรียมไว้ตั้งแต่ปลายฤดูหนาว’ คุณกระต่ายประสานเสียง
DSC00399
‘ออกมาเที่ยวไกลไปหน่อย ฝนตกกลับบ้านไม่ทัน หลบอยู่นี่ไปก่อนนะเรา’ คุณกอริล่าโอดครวญ
DSC00403
‘พวกเราอยู่ในอาคารนกเล็ก แห้งสบาย จิ๊บๆๆๆๆๆ ดีจังเลยที่ไม่เกิดเป็นนกใหญ่ ข้างนอกท่าจะหนาว จิ๊บๆๆๆๆๆๆ’
DSC00405
‘นกแก้วกรงนั้นอย่าคุยกันเสียงดังสิ จิ๊บๆ’
DSC00425
‘รู้มั้ยข้าเป็นใคร ข้าคือเฮ็ดวิก เจ้าพวกมักเกิ้ล! ข้าคือนกฮูกของเด็กชายผู้รอดชีวิต!’

มาสวนสัตว์ในวันฝนตกนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือได้รูปโทนสีเย็นตาสวยงาม แถมซากุระในวันฝนตกนั้นงดงามยิ่ง เนื่องจากจะมีน้ำเกาะอยู่ที่ดอกซากุระ ทำให้ภาพถ่ายดูชุ่มชื้น ไม่แห้งแล้ง ซากุระที่ได้จากการถ่ายรูปในวันฝนตกนั้นถูกใจเราที่สุดเลย แต่ข้อเสียก็คือเหล่าบรรดาสัตว์ในกรงกลางแจ้งมักจะหลบไปอยู่ในที่ร่มเพื่อหลบฝน แต่สัตว์บางประเภทนั้นเริงร่ามาก เช่น บรรดาสัตว์ที่มีภูมิลำเนาอยู่แถบขั้วโลกอย่าง เพนกวิน หมีขาว แมวน้ำ สิงโตทะเล อันจะมีรูปให้ชมต่อไป

DSC00427
ซีนนี้น่ารักมุ้งมิ้ง ภาพลูกแมวน้ำกินนมแม่แมวน้ำ น่ารว้ากง่าาา
DSC00429
คุณหมีขาวเดินเล่นโชว์ตัว (เดินไปฉี่ให้ดูอีกตะหาก จะไม่ลืมเลยคุณหมี (-_-” )
DSC00430
‘คร่อกกกกกกกกก’ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกจากกรงคุณหมีควาย
DSC00432
คุณหมีขอ จะขออะไรรึ? (นี่คือมุก…)

เดินผ่านเทือกเขาของเหล่าหมีเรียบร้อย สังเกตได้ว่าฝนค่อยๆ ตกหนักขึ้น หนักขึ้น (T_T ) ตัดสินใจที่จะหลบเข้าร่มสักพัก จินนี่และเราบอกให้ป๊าม๊านั่งรอแล้วออกเดินหาร้านอาหารกลางวันเนื่องจากได้เวลาเที่ยงพอที ณ ตอนนั้นเอง เราไปสะดุดเข้ากับ ร้าน ของ ฝาก! กรี๊ด ตุ๊กตาน่าร้ากไปโม้ดดดดดดดดดดดทุกตัวเลยยยยย ดูสิๆๆๆ

DSC00434

DSC00435

DSC00436

แล้วดูซิอัจฉราว่าสุดท้ายเธอได้อะไรมา …สมุดโน้ตและ sticky note (อีกแล้วเรอะ!) โธ่ ก็มันน่ารักจริงๆ รีบห่อด้วยถุงพลาสติกสองชั้นก่อนที่จะเอาลงกระเป๋าทันทีเพราะกลัวมันเปียก เราไม่ลืมที่จะซื้อเสื้อกันฝนสำหรับสี่คน เพราะนี่เรายังไม่ได้ไปเดินสวนตะวันตกกันเลย ระหว่างนั้นจินนี่ที่หาศูนย์อาหารเจอก็กวักมือเรียกเราและป๊าม๊าไปเพื่อให้จิ้มเลือกเมนูอาหาร อาหารที่นี่ไม่หลากหลายนัก และราคาสูงกว่าข้างนอก แต่เท่าที่ลองทานก็รสชาติดีทีเดียว เราทั้งหมดเลือกทานข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อ (ถ้วยละประมาณ 600 เยน) และซุป minestrone ร้อนๆ หนึ่งถ้วย ในวันที่ฝนตก อากาศเย็นอย่างนี้ ซุปร้อนๆ รสชาติดีขึ้น 200%

DSC00438

DSC00441

DSC00444
จินนี่ใส่เสื้อกันฝน ถ่ายระหว่างเดินข้ามสะพานอีสปเพื่อไปสวนตะวันตก
DSC00449
เราใส่เสื้อกันฝน คาเฟ่คาเมเลียนนี่มีแต่ของน่ากินสุดๆ มีเมนูของหวานรูปสัตว์ด้วย แต่เราเพิ่งอิ่มมาน่ะสิ แง้
DSC00452
จินนี่หัดถ่าย

ที่สวนตะวันตกนี้ เราเริ่มกันที่อาคารสัตว์กลางคืน ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้อยากเข้าเล้ย แต่จินนี่เอาแต่ชี้อาคารนี้ซ้ำๆ พร้อมกับพูดว่า ‘แต่มันร่มนะแก… เราหนาวอ่ะ’

พอเข้ามาเท่านั้นแหละ เรากับจินนี่เดินตัวติดกันตลอดทางพร้อมกับพึมพำใส่กันว่า ‘ฉานมาทำอะรายที่นี่ (TOT )’ บรรยากาศด้านในมืดเหมือนอาคารผีสิง แถมสัตว์ต่างๆ ล้วนเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว บ้างบินฉวัดเฉวียนไปมา บ้างเคลื่อนที่ out of nowhere ถ่ายรูปมาได้นิดเดียวจากโซนที่สว่างที่สุด ฮือๆๆๆๆๆ

DSC00471

DSC00468
คุณยายในฉากหลังเดินคู่คี่มากับเราตลอดทาง คุณยายบรรยายเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ให้หลานฟังอย่างน่ารักมาก

แต่เมื่อลองคิดทบทวนอีกที บรรยากาศที่อาคารสัตว์กลางคืนเนี่ยตื่นเต้นดีนะ ได้อารมณ์ที่ต่างจากการเดินชมสัตว์แบบธรรมดาข้างนอกเลย ประเภทของสัตว์ในอาคารก็มีเยอะมาก ส่วนมากเราไม่เคยเห็นทั้งนั้น น่าจะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ที่ไม่เคยมาอยู่ล่ะ

ไปต่อกันที่ โซนสัตว์แห่งแอฟริกา

DSC00458
เหล่าเพนกวินเริงร่า ว่ายน้ำไปมากันใหญ่
DSC00460
‘สวัสดีมนุษย์ วันนี้อากาศดีนะ~’

DSC00462

DSC00464
/หรี่ตามองมนุษย์ถือกล้อง
DSC00476
คุณฮิปโปแคระทำหน้าขรึม
DSC00478
ส่วนคุณฮิปโปตัวจริงนั้น…

ที่เห็นน้ำกลายเป็นสีเหลืองๆ ตรงก้นคุณฮิปโปนั้นเราจะบอกว่า …มันขี้ล่ะ ใช่แล้ว ขี้ หรือภาษาสุภาพที่เรียกว่า อุจจาระ (T_T ) จะอะไรก็แล้วแต่ เราขอบรรจุโมเม้นท์คุณฮิปโปอุจจาระให้เป็นหนึ่งในโมเม้นท์ที่น่าสะพรึงและน่าจดจำที่สุดของปี 2014 เราไม่ขอบรรยายถึงรายละเอียด และขอบอกว่าเราใจไม่กล้าพอที่จะ search youtube หรือ vimeo ถ้าหากว่าในนั้นจะมีวีดีโอคุณฮิปโปอุจจาระ ขอให้ทุกคนที่อยากดูไปหาดูกันเอาเอง (T_T ) ขอบอกว่ามันไม่ใช่แบบที่ทุกคนคิดดดดดด ฮือออออออออ (ระหว่างที่พิมพ์ภาพในวันนั้นก็ลอยเข้ามาในหัว)

ในโซนสัตว์แห่งแอฟริกานั้นเราถ่ายรูปมาไม่เยอะ เนื่องจากคุณสัตว์บกส่วนมากในโซนนี้ได้ถูกย้ายไปอยู่ในที่ร่ม ซึ่งที่สวนสัตว์อุเอโนะนี้น่ารักมาก จะมีป้ายน่ารักๆ ติดอยู่ที่กรงเขียนใจความว่า ‘หากมาแล้วไม่พบฉันที่นี่ แสดงว่าฉันอยู่ในกรงที่ร่ม ไปทางนี้~’ ซึ่งในที่ร่มถ่ายรูปได้ไม่ค่อยสวย ทำให้เราพลาดถ่ายรูปคุณสัตว์หลายชนิดเหมือนกัน เช่น คุณจิงโจ้ คุณยีราฟ คุณโคคาปี และคุณนกกระสา นกกระทุง นกอินทรีทะเลก็พากันอพยพออกจากบึงไปอยู่ในที่ร่มกันหมด เราจึงขออนุญาตพาลัดมายังสถานที่สุดท้ายของวันนี้ คือบ้านสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำนั่นเอง

DSC00486

DSC00495
คุณเต่าอายุ 120 ปี
DSC00488
หาฉันเจอไหม ฉันอยู่ตรงไหนกันนะ (รูปนี้ถ่ายมาจากมุมสัตว์พรางตัว)

สังเกตมั้ยว่าทำไมรูปสุดท้ายจึงดูเบลอๆ… ตอนแรกเราคิดว่าเป็นเพราะว่าสัตว์พรางตัวจึงทำให้กล้องไม่โฟกัส และเกิดจากการที่ถ่ายรูปผ่านกระจก แต่เมื่อลองถอดเลนส์ดู กรี๊ดดดดดด เลนส์ฝ้าขึ้น! เนื่องจากการที่อากาศข้างนอกเย็นมาก เมื่อเข้ามาในอาคารที่มีอากาศอุ่นทำให้เลนส์คายความชื้นออกมาเป็นฝ้า แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นลางร้าย มากๆ เพราะกล้องและเลนส์นั้นไม่ถูกกับความชื้นจากทุกสาเหตุ เราในตอนนั้นใจหนึ่งก็กลัวเลนส์พังทั้งที่ยังซื้อมาใช้ไม่ถึงสองวันดี แต่อีกใจหนึ่ง เรายังไม่ได้ไปถ่ายรูปที่สวนอุเอโนะเลยนะ! สวนอุเอโนะที่เป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุด! อ๊า เอายังไงดีล่ะ ตอนนั้นจินนี่ไม่อยู่แล้วด้วย เพราะวันนั้นเป็นเวรงานพิเศษของจินนี่ เจ้าตัวจึงขอปลีกตัวออกไปก่อน และเราจะเป็นคนพาป๊าม๊าส่งกลับโรงแรมและเจอกันที่บ้านของจินนี่เลย

ในที่สุดตัดสินใจสู้ โดยเอาถุงพลาสติกใส่ตัวกล้องไว้และฉีกถุงให้มีรูเพื่อให้เลนส์โผล่ออกมา โชคดีที่เมื่อออกมายังที่อากาศเย็น ฝ้าก็หายไปเป็นระยะๆ โดยที่ถ่ายไป ก็ต้องเอาเลนส์ออกมาพักในที่ร่มเพื่อให้ฝ้าจาง ระหว่างที่ถ่ายอากาศหนาวโหดร้ายมาก น้ำเข้ารองเท้าทำให้เท้าแข็งไปหมด แถมถ่ายไปสักพักกล้องเริ่มมีอาการชัตเตอร์ช้า จอ error เรียกได้ว่าใกล้สิ้นใจเต็มทน (T_T ) แต่รูปที่ได้มาทั้งหมดในวันนั้นสวยมากๆ กลับบ้านเอารูปลงและดูในโน้ตบุค จินนี่ยังเอ่ยปากชมว่าสวยจริงๆ (รูปทั้งหมดจะอยู่ในเอนทรีหน้า)

DSC00547
ซากุระบานในสตาร์บัคส์ สาขาสวนอุเอโนะ

DSC00548

DSC00549
ภาพวิวจากร้านสตาร์บัคส์สาขาสวนอุเอโนะ

หลังจากเดินถ่ายรูปทั่วสวน จุดสุดท้ายของสวนก็คือทางเดินเข้าสวนสัตว์นั่นเอง เราตัดสินใจนั่งพักที่สตาร์บัคส์เพื่อดูอาการกล้อง ทานกาแฟร้อนๆ และผึ่งเท้าที่แข็งจนชาในที่อุ่นๆ สักพักก่อนแวะทานข้าว และนั่ง JR ไปส่งป๊าม๊าที่โรงแรม ระหว่างทางที่เรานั่งเมโทรกลับบ้านจินนี่ ในใจเราตอนนั้นกังวลมาก เพราะไม่ได้บอกป๊าม๊าเลยว่ากล้องอาการไม่ดี เนื่องจากทั้งสองคนดูมีความสุขมากที่ได้ถ่ายรูปกับซากุระ แถมในวันพรุ่งนี้เป็นวันที่เราจะไปกันที่ภูเขาฟูจิ เราเดินใส่เสื้อกันฝนหลงอยู่ในเมโทรคนเดียวด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นมากๆ เราลังเลเรื่องสถานีและหาทางออกไม่เจอจนติดอยู่ในสถานีเมโทรร่วมชั่วโมง ในใจเราตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่ายังดีที่เรามาหลงอยู่ตรงนี้คนเดียว ไม่ได้พาป๊าม๊ามาหลงด้วย เราไม่ได้กังวลเรื่องหลงทางมากนัก เราคิดว่าเดี๋ยวเราก็จะหาทางออกเจอเอง เพราะสิ่งที่เราต้องทำในตอนนั้นคือหาสถานีและทางออกให้เจอก่อนเวลาสามทุ่ม (คือเวลาที่จินนี่เลิกงาน) ตอนนั้นเราเหลือเวลาอีกราวๆ สองชั่วโมง

ใช้เวลาอีกนิดหน่อย ในที่สุดเราก็เข้าใจเรื่องระบบป้าย สถานี และการขึ้นลงเปลี่ยนสายเมโทร เรากลับถึงบ้านจินนี่จนได้ในเวลาเกือบๆ สองทุ่ม รูมเมทของจินนี่ชื่ออิงมาเปิดประตูรับ เราเล่าเรื่องที่เราหลงให้อิงฟัง อิงเอ่ยปากว่าเราเก่งแล้วที่หาทางออกมาได้ เพราะมาอยู่ที่โตเกียวใหม่ๆ อิงไม่ขึ้นเมโทรเลยเพราะกลัวหลง (ก็ของเราสถานการณ์มันบังคับนี่นะ… (TT_TT\ ) คืนนั้นเราตัดสินใจขอจินนี่แช่ตัวกล้องและเลนส์ที่ห่อกระดาษทิชชู่ใส่ข้าวสาร (วิธีไล่ความชื้นที่เราคิดเองและคงไม่มีใครอื่นคิดทำ ฮ่าๆๆ) วันรุ่งเช้าตื่นขึ้นมา พบว่าฝ้าที่เลนส์และระบบชัตเตอร์หายเป็นปกติ ช่างโชคดีเหลือเกิน \(T^T )/ เราเอากล้องแช่ข้าวสารอยู่อย่างนั้นอีกคืนหลังจากกลับจากฟูจิ เพื่อให้แน่ใจว่าความชื้นลดลงไปอยู่ในระดับที่ปลอดภัยแล้ว

DSC00555
รูปถ่ายสุดท้ายก่อนนำเลนส์ไปแช่ในกล่องข้าวสาร เป็นหนังที่ดูด้วยกันในคืนนั้น เรื่อง My neighbors the Yamadas

One thought on “Japan Through My Eyes DAY 3: Ueno zoo

Leave a comment