I just went to NASA – A Human Adventure Exhibition

วันนี้มีโอกาสได้ไปนิทรรศการของนาซ่า ชื่อ ‘Nasa – A Human Adventure Exhibition’ ที่จัดขึ้นที่ Bangkok Convention Center ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว จึงขอมาเขียน entry พร้อมกับอัพโหลดรูปจำนวนหนึ่งเก็บไว้เพื่อเป็นความทรงจำสักเล็กน้อย

เราตั้งใจอยากไปนิทรรศการนี้ตั้งแต่มีโฆษณาตามสื่อต่างๆ น่าจะราวๆ กลางปีที่ผ่านมา ด้วยความที่เราชอบดูและอ่านเกี่ยวกับดาราศาสตร์และการสำรวจอวกาศมาตั้งแต่สมัยยังเรียนประถม หนังสือเล่มแรกที่เราได้อ่านและทำให้เกิดความสนใจในเรื่องอวกาศก็คือหนังสือชื่อ ‘เอกภพ เพื่อความเข้าใจในธรรมชาติและจักรวาล’ เขียนโดยคุณวิภู รุโจปการ (จำได้แบบไม่ต้อง Google) เป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้เรารู้จักสิ่งต่างๆ นอกจักรวาลนอกเหนือจากดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะ อย่างไรก็ตามเมื่อโตขึ้น เราก็ค้นพบว่าอวกาศเป็นสิ่งที่คนรอบตัวเราก็ต่างให้ความสนใจ ซึ่งเราก็ไม่แปลกใจในข้อนี้ เนื่องจากอวกาศเป็นความงามที่มาพร้อมกับความลี้ลับและเป็นความงามที่มีขนาดใหญ่จนแทบเป็นอนันต์ แถมหน้าตาของอวกาศและวัตถุต่างๆ นอกโลกที่เราสามารถบันทึกไว้ได้ด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพนั้นก็มีหน้าตาสวยงามน่าดึงดูดไม่ว่าสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่

จากหนังสือชื่อ ‘เอกภพ’ เมื่อโตขึ้นเราก็ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับอวกาศและการสำรวจอวกาศประปรายตามที่แผงหนังสือจะแนะนำ อาทิ จักรวาลในเปลือกนัท, The Illustrated on the Shoulders of Giants (จำชื่อภาษาไทยไม่ได้) และดูรูปวัตถุต่างๆ ในจักรวาลรายวันตามเว็บไซต์​ Sciencedirect ความรู้ทางด้านอวกาศของเราแทบจะแช่แข็งอยู่เท่านั้น การเข้าชมนิทรรศการโดยนาซ่าครั้งนี้ เราจึงแอบตื่นเต้นว่าเราจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ หรือเห็นแง่มุมที่ต่างออกไปของสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วหรือไม่

บัตรราคา 250 บาทเนื่องจากใช้สิทธิ์บัตร The 1 Card ลดจากราคาเต็ม 400 บาท เข้าชมในวันธรรมดา

เที่ยวรับปิดเทอมขนาดย่อมด้วย One Day Trip ที่อยุธยา

ในช่วงของการสอบไฟนอลที่ผ่านมาเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่เคร่งเครียดสุดๆ เราได้วางแผนกับเมทที่หอ ว่าจะชวนมานอนค้างที่บ้านสักคืน แล้วตื่นไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน โชคดีที่แพตตี้ เมทของเราผู้ขับรถได้ตกลงไปทริป ส่วนสถานที่คือจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น เราเพิ่งจะมาตกลงกันได้ก่อนสอบเสร็จหนึ่งวัน (อ่านไม่ผิดหรอก ระหว่างสอบนี่เวลาเหมาะเลย คิดแต่เรื่องเที่ยว)

ตัดภาพชับๆ มาตอนที่เรากับแพตตี้กำลังนอนซุกผ้านวมดูทีวีอยู่บนเตียงที่บ้านเรา ได้เวลาเปิดโน้ตบุคเลือกสถานที่เที่ยว จากที่เราทั้งสองได้เล็งเห็นว่าอยุธยาเป็นจังหวัดที่มีข้อดีตรงที่ขับรถไปถึงง่าย ไม่ไกลจากพุทธมณฑลสายห้า (บ้านเราเอง) และเที่ยวได้หลากสไตล์ เข้า museum ก็ได้เพราะมีเยอะ หรือจะเข้าชมความงามทางประวัติศาสตร์ภายในวัด ไหว้พระรับปีใหม่ จะเป็นทริปเน้นกิน ก็มีโรตีสายไหมและกุ้งแม่น้ำตัวโต อาหารประเภทปลา และยังมีตลาดน้ำอโยธยาอีก สถานที่ท่องเที่ยวเยอะ เที่ยวได้มากมายแบบนี้ ไปวันเดียวยังไงก็ไม่จบแน่ๆ เราเห็นดังนั้นจึงไม่ได้ทำ trip itinerary อย่างชัดเจน กลับกัน เราเลือก mark สถานที่จำนวนมากไว้บน Google maps ไว้แบบหละหลวมระหว่างที่แพตตี้นอนดูทีวี กะไว้ว่าตอนนั่งรถค่อยถามแล้วกันว่าอยากจะไปไหน

Japan Through My Eyes DAY 6: Kamakura

หลายๆ คนอาจจะคิดว่าทริปของเราเมื่อไหร่จะถึงวันช้อปปิ้ง เราซื้อโตเกียวบาบาน่า เค้กสตรอเบอรี่กินซ่า คิทแคทชาเขียวหรือยัง เราขอบอกตรงนี้ว่าโปรแกรมเที่ยวตามใจผู้ปกครองนั้นยังไม่จบเพียงวันที่ห้า ในวันที่หกเราและจินนี่ยังคงยืนหยัดจัดทริปตามใจป๊าม๊าของเราด้วยการจัดทริปไปคามาคุระ เมืองเก่าของเรา (ญี่ปุ่น) แต่ก่อน เอ้า จริงนะ คามาคุระเป็นอดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่นจริงๆ เราไม่รู้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเลย แต่เดาว่าคามาคุระคงเป็นอะไรที่ข้างเคียงกับสุโขทัยล่ะ จากการอ่านโบร์ชัวร์แนะนำจังหวัดคามาคุระนั้น… (ผู้อ่าน: อ้างอิงจากโบร์ชัวร์รึ ไม่ได้อ่านจากในหนังสือรึ…) เอาน่ะ (กระแอมในลำคอ เริ่มใหม่) คามาคุระนั้นเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในราวๆ ปลายศตวรรษที่ 12 ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับการสถาปนากรุงสุโขทัยในบ้านเราพอดี

คีย์เวิร์ดสำคัญของคามาคุระในความคิดของเรานั้นมีสามคำ ได้แก่ วัด สวนสวยและชายหาด อาจจะดูไม่เข้ากันสักหน่อย แต่จะค่อยๆ อธิบายประกอบรูปไปเรื่อยๆ แล้วจะนึกภาพออกเอง แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น คามาคุระก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนในความเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบเครื่อง ถนนสำหรับช้อปปิ้ง คาเฟ่สวยๆ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อควาเรียม ก็เป็นสิ่งที่คามาคุระนั้นมีเช่นกัน